Climate changed and asthma1: Global warming and asthma 🪴🌿🔥
บทความโดย รศ.พญ.พิชญา เพชรบรม คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ
.
ผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศต่อสิ่งแวดล้อม และความหลากหลายทางชีวภาพมีมากขึ้นในช่วงไม่กี่ปีมานี้ ทำให้ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของมนุษย์รวมถึงผู้ป่วยโรคระบบทางเดินหายใจและโรคภูมิแพ้ กิจกรรมของมนุษย์ เช่น การเผาไหม้เชื้อเพลิงจากฟอสซิล การตัดไม้ทำลายป่า ทำให้ความเข้มข้นของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ในชั้นบรรยากาศและก๊าซเรือนกระจก (Greenhouse gas) เพิ่มขึ้นทำให้โลกไม่สามารถระบายความร้อนที่ได้รับจากรังสีดวงอาทิตย์ออกไปได้อย่างปกติ ส่งผลให้อุณหภูมิเฉลี่ยของโลกสูงขึ้น การเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศและภาวะโลกร้อน ส่งผลต่อปริมาณ ความรุนแรง และความถี่ของเหตุการณ์รุนแรง เช่น คลื่นความร้อน ความแห้งแล้ง พายุฝนฟ้าคะนอง น้ำท่วม และพายุเฮอริเคน
.
#ภาวะโลกร้อน(global warming) ☀️🔥หมายถึงการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิเฉลี่ยของอากาศใกล้พื้นผิวโลกและน้ำในมหาสมุทรตั้งแต่ช่วงครึ่งหลังของคริสต์ศตวรรษที่ 20 และมีการคาดการณ์ว่าอุณหภูมิเฉลี่ยจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันโลกมีอุณหภูมิสูงขึ้นประมาณ 1 องศาเซลเซียสเทียบกับสมัยก่อนที่ไม่มีโรงงานอุตสาหกรรม การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของโลกที่มีอุณหภูมิเพิ่มขึ้นทำให้มีก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ในชั้นบรรยากาศมีระดับสูงขึ้นทำให้ #พืชมีการสังเคราะห์ด้วยแสงและการสืบพันธุ์ที่ดีขึ้น มีผลทำให้พืชโตเร็วขึ้น ฤดูที่มีการสร้างละอองเกสรดอกไม้(pollen) ยาวนานขึ้นและมาเร็วขึ้น มีการเพิ่มปริมาณของละอองเกสรดอกไม้และความรุนแรงของการทำให้เกิดภูมิแพ้
.
#อุณหภูมิของโลกที่เพิ่มขึ้น 🔥🌧ยังส่งผลให้ #เชื้อรามีปริมาณเพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้การแพร่กระจายของเชื้อรายังเพิ่มขึ้นเมื่อมีน้ำท่วมและพายุฝน เมื่อผู้ป่วยสูดเอาอากาศที่มีละอองเกสรและเชื้อราปะปนอยู่ในปริมาณที่สูงขึ้นจะส่งผลให้อาการหอบหืดกำเริบได้ง่ายกว่าเดิมและเกิดโรคหืดรุนแรงได้ โดยสารก่อภูมิแพ้จากละอองเกสรดอกไม้และเชื้อราสามารถกระตุ้นให้เกิด pro-inflammatory และ immunomodulatory mediators ซึ่งเร่งให้เกิดอาการแพ้และภูมิแพ้ที่อาศัย IgE โดยทำให้เกิดโรคภูมิแพ้ทางเดินหายใจ เช่น โรคจมูกอักเสบและโรคหืด พายุฝนฟ้าคะนองที่เกิดขึ้นในช่วงฤดูละอองเกสรดอกไม้สามารถกระตุ้นให้เกิดการตีบของหลอดลมที่รุนแรงและทำให้มีการกำเริบของโรคภูมิแพ้ทางเดินหายใจและโรคหืดได้ และทำให้เกิดการเสียชีวิตในผู้ป่วยที่แพ้เกสรดอกไม้ได้
.
#ก๊าซโอโซน(ozone) ☁️☁️ในชั้นบรรยากาศซึ่งเป็นหนึ่งในก๊าซเรือนกระจกจะมีปริมาณเพิ่มมากขึ้นในภาวะโลกร้อน โดยเป็นก๊าซที่ทำในเกิดการระคายเคืองในปอดและกระตุ้นให้เกิดการกำเริบของโรคหืดและในเด็กยังทำให้เกิดเป็นโรคหืดมากขึ้นและมีการศึกษาว่าทำให้ผู้ป่วยเด็กที่เป็นโรคหืดมาห้องฉุกเฉินเพิ่มมากขึ้นจากร้อยละ 5 เป็นร้อยละ 10 นอกจากนี้ภาวะโลกร้อนทำให้มีมลพิษทางอากาศเพิ่มมากขึ้น รวมถึง PM 2.5 ซึ่งกระตุ้นให้เกิดการกำเริบของโรคหืด โดย ค่า PM 2.5 เพิ่มขึ้นทุกๆ 10 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร จะส่งผลให้อาการหอบกำเริบเพิ่มขึ้น 0.2 ครั้ง
.
ดังนั้นในภาวะโลกร้อนและสภาพอากาศเปลี่ยนแปลง ผู้ป่วยโรคหืดต้องดูแลตัวเองมากขึ้น พ่นยาให้สม่ำเสมอตามที่แพทย์สั่ง และแนะนำให้ตรวจวัดดัชนีคุณภาพอากาศทุกวันก่อนออกจากบ้าน ส่วนทางหน่วยงานของรัฐควรมีมาตรการที่ช่วยลดภาวะโลกร้อนและมีมาตรการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อผู้ป่วยโรคทางระบบการหายใจและลดการกำเริบของโรคหืดได้
.
📕 #References
1.D’Amato G, Chong-Neto HJ, Monge Ortega OP, et al. The effects of climate change on respiratory allergy and asthma induced by pollen and mold allergens. Allergy 2020 ;75(9): 2219-2228.

  1. Kelly, G., Idubor, O.I., Binney, S. et al. The Impact of Climate Change on Asthma and Allergic-Immunologic Disease. Curr Allergy Asthma Rep 2023; 23: 453–461.
  2. http://climate.tmd.go.th/content/file/11
    โดย Climate center ศูนย์ภูมิอากาศ กรมอุตุนิยมวิทยา สืบค้นเมื่อ 16 มิถุนายน 2567.
  3. Ahdoot S. Pacheco SE. Global climate change and children’s health. Pediatrics 2015; 136:e 1468-84.