😷😷 การป้องกันโรคหืด (Asthma Prevention) 💨🌫
.
บทความโดย นพ.อธิพัฒน์ อธิพงษ์อาภรณ์
.
ปัจจุบันมีข้อมูลเกี่ยวกับจำนวนผู้ป่วยโรคหืดประมาณ 2,000 ล้านคนทั่วโลก และอาจจะเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 400 ล้านคนก่อนปี 2025 ซึ่งเป็นจำนวนที่สูงมาก โดยโรคนี้จะเริ่มพบได้ตั้งแต่วัยเด็กจนถึงวัยผู้ใหญ่ ข้อมูลงานวิจัยในปัจจุบันมีมากขึ้นเกี่ยวกับการป้องกันโรคหืด ซึ่งเป็นประโยชน์กับประชาชนทุกคน เพราะการป้องกันโรคทำให้เด็กที่มีความเสี่ยงมีโอกาสเป็นโรคลดลง และลดค่าใช้จ่ายในการรักษาโรคได้เป็นจำนวนมาก ข้อมูลเกี่ยวกับการป้องกันโรคหืด แบ่งปัจจัยเป็น 3 กลุ่มดังนี้
.
ปัจจัยจากมารดาช่วงตั้งครรภ์
- มีข้อมูลเกี่ยวกับมารดาที่สูบบุหรี่ ซึ่งเป็น PM 2.5 ชนิดหนึ่งที่พบได้ในบ้าน จะทำให้ทารกที่ตั้งครรภ์เพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคหืด และทำให้สมรรถภาพปอดของทารกลดลง และการสัมผัสมลภาวะทางอากาศของมารดาที่ตั้งครรภ์ทำให้ทารกมีภูมิคุ้มกันที่ผิดปกติ และเพิ่มโอกาสที่ทารกคลอดออกมาเป็นโรคหืด 30%
- การเสริมวิตามินดี ในมารดาที่เป็นกลุ่มเสี่ยง (เป็นโรคหืด เยื่อบุจมูกอักเสบ ผื่นแพ้ผิวหนัง) พบว่าการเสริมวิตามินดี ไม่ว่าจะเป็นโดสสูง (4,400 IU/วัน) หรือโดสต่ำ (400 IU/วัน) สามารถลดการเกิดการหายใจมีเสียงหวีดในช่วงเด็กก่อนวัยเรียนได้
- การเสริม Fish oil ในมารดาที่ตั้งครรภ์ สามารถลดการเกิดโรคหืดก่อนวัยเรียนได้ 30%
.
ปัจจัยจากตัวเด็ก
- การติดเชื้อแบคทีเรียบางชนิด เช่น Hemophilus influenza, Streptococcus Pneumoniae หรือ Moraxella Catarrhalis ในเด็กเล็ก เพิ่มกาสเกิดโรคหืดได้ 2-4 เท่า ดังนั้นการป้องกันโดยการฉีดวัคซีนป้องกันเชื้อแบคทีเรีย 2 เชื้อแรก สามารถป้องกันการเกิดโรคหืดได้
- การใช้ยาปฏิชีวนะด้วยความสมเหตุผล สามารถป้องกันการเกิดโรคหืดได้ เพราะการที่ได้ยาปฏิชีวนะบ่อยเกินไปทำให้แบคทีเรียตัวดีในลำไส้ของเด็กเกิดความไม่สมดุล และกระตุ้นภูมิคุ้มกันให้เกิดโรคภูมิแพ้ เช่น โรคหืด มีข้อมูลจากงานวิจัยว่า หากทารกได้รับยาปฏิชีวนะในช่วง 6 เดือนแรกของชีวิต เพิ่มโอกาสการเกิดโรคหืด 2 เท่า
- การใช้ยาบางชนิด เช่นยาลดกรดกลุ่ม Proton pump inhibitor ในช่วง 6 เดือนแรกของชีวิต เพิ่มโอกาสการเกิดโรคหืด 1.25-1.4 เท่า
.
ปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อมของเด็ก
- การสัมผัสมลภาวะทางอากาศในช่วงวัยเด็ก ทำให้สมรรถภาพปอดของเด็กลดลง มีบางงานวิจัยมีข้อมูลนำเสนอว่าทารกที่คลอดออกมาในสิ่งแวดล้อมที่มีมลพิษในช่วงอายุ 1 ปีแรก เพิ่มโอกาสเป็นโรคหืด 60% นอกจากนั้นยังการสัมผัสมลพิษในวัยเด็ก ก่อให้เกิดการมีสมรรถภาพปอดที่ลดลงในวัยผู้ใหญ่ และเพิ่มโอกาสการเกิดโรคหืดแบบ Nonallergic asthma ในผู้ใหญ่
- การสัมผัสควันบุหรี่หลังทารกคลอด เพิ่มโอกาสการเป็นโรคหืด และทำให้สมรรถภาพปอดของเด็กลดลง ร่วมกับหายใจมีเสียงหวีดเพิ่มขึ้น 30-70% และเป็นโรคหืดเพิ่มขึ้น 21-85%
- ทฤษฎีเกี่ยวกับ Hygiene hypothesis กล่าวคือ หากเด็กสัมผัสกับสารก่อภูมิแพ้และเชื้อแบคทีเรียในช่วง 1 ปีแรกของชีวิตในปริมาณที่เหมาะสม จะลดการเกิดการหายใจมีเสียงหวีดซ้ำๆ ที่อายุ 3 ปี และโรคหืดที่อายุ 7 ปีได้ และการอาศัยอยู่ในสิ่งแวดล้อมแบบทุ่งหญ้า (Farming) ในต่างจังหวัด เป็นปัจจัยป้องกันการเกิดโรคหืด ภูมิแพ้จมูกได้
.
จะเห็นได้ว่า การป้องกันการเกิดโรคหืดสามารถทำได้หลายวิธี และสามารถทำได้ตั้งแต่ทารกอยู่ในครรภ์ จนกระทั่งทารกคลอดออกมาแล้ว โดยปัจจัยที่สำคัญคือด้านมลพิษทางอากาศ เพราะส่งผลตั้งแต่ทารกอยู่ในครรภ์จนคลอด ส่วนปัจจัยอื่นที่มีความสำคัญคืออาหารของมารดา ได้แก่วิตามินดี และ Fish oil และปัจจัยทีสามารถป้องกันได้คือการให้ยาปฏิชีวนะในเด็กอย่างสมเหตุผล ซึ่งหากทำได้ จะทำให้การเกิดโรคหืดลดลง